เล่าใหม่ให้เข้าใจง่าย: วิธี Hypelive เปลี่ยน “ดราม่า” ให้เป็นโอกาสแบรนด์

    ในยุคที่อะไรๆ ก็กลายเป็นไวรัลได้ในข้ามคืน หรืออะไรใหม่ๆ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ จึงทำให้บางครั้งเกิดการ “การสื่อสารผิด” และอาจทำให้แบรนด์เจอดราม่าหนัก
แต่ Hypelive เชื่อว่า ถ้าเรากล้าฟัง แล้วกล้าเล่าใหม่เพื่อให้คนเข้าใจ
ดราม่าก็อาจกลายเป็น ”โอกาส” ให้แบรนด์ได้เข้าใกล้ใจผู้คนมากขึ้นกว่าเดิม

🎯 ดราม่า = โอกาส ถ้ากล้าหยิบมาเล่าให้ถูก

ในมุมของ Hypelive เรามองว่า ดราม่าไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัวเสมอไป เพราะในหลายกรณี มันคือ “สัญญาณว่าแบรนด์กำลังถูกพูดถึง”
โดยเฉพาะถ้าต้นตอของดราม่านั้นมาจาก ความเข้าใจผิด หรือข้อมูลที่สื่อสารไม่ครบถ้วน

สิ่งที่เราทำจึงไม่ใช่การ “ดับกระแส” แต่คือการ แปลงกระแส ให้กลายเป็นพลังบวก ด้วยการเล่าเรื่องใหม่ให้คนเข้าใจง่ายขึ้น มองเห็นเจตนาดีของแบรนด์ และพร้อมเปิดใจ

แต่ในกรณีที่ดราม่าเกิดจากความผิดพลาดจริงๆ ของแบรนด์ เราไม่ได้มองว่าเป็น “สัญญาณดี” เพราะการสื่อสารที่ดี ต้องตั้งอยู่บนความจริง และความรับผิดชอบ ซึ่งในเคสแบบนั้น เราเชื่อว่า “การแก้ไข” ต้องมาก่อน “การเล่าเรื่อง”


🔥 ตัวอย่างเคส “ดราม่า” จากความเข้าใจผิด

“Orb น่ากลัวป่ะ?”
“มันเอาข้อมูลตาเราไปขายจริงเหรอ?”
“สแกนแล้วจะโดนแฮกไหม?”

นี่คือคำถามจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ World App หลังเปิดให้ทดลองใช้งานในไทย และมันก็กลายเป็นไวรัล ดราม่า ความเข้าใจผิด แชร์กันเป็นวงกว้าง แต่ Hypelive รู้ดี ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นเพราะกระแสต่างๆจากการเปิดตัวที่ต่างประเทศ ไม่ได้รีบร้อนแก้ต่าง
เราแค่มองแล้วบอกว่า... “ของดีขนาดนี้ เสียดายแค่คนยังไม่เข้าใจ... งั้นมาเล่าใหม่ให้ฟัง!”

🔍 แล้วความจริงคืออะไร?

  • Orb ไม่เก็บชื่อ, เบอร์, อีเมล หรือข้อมูลใดๆ ที่ระบุตัวตนคุณได้

  • ✅ สิ่งเดียวที่ได้คือ Iris Code — รหัสลับเฉพาะคุณที่ไม่มีใครย้อนกลับไปหาได้

  • ลบข้อมูลจากเครื่องทันทีหลังสแกน เก็บเฉพาะบนมือถือของคุณ

  • ✅ ใช้ระบบความปลอดภัยระดับโลก: AMPC, ZK Proof, Personal Custody

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://world.org/th-th

แต่จะให้เล่าแบบวิชาการ แบบ Tech Geek... คนทั่วไป ขนาดตัว Hypelive ก็เลื่อนผ่านชัวร์ เราจึงกลับไปทำการบ้านใหม่หยิบทั้งหมดนี้มาทำเป็น "คอนเทนต์ที่คนดูแล้วร้อง อ๋อ!"

🎬 Hypelive ทำยังไงให้คนเข้าใจ และแชร์ต่อ?

ในช่วงแรกของการเปิดตัว World App ในไทย เราเริ่มต้นวาง Foundation ของการสื่อสารด้วย Influencer Marketing จัด Event ต้อนรับและเชิญกลุ่ม Creators กลุ่มแรก ได้ทดลองใช้เทคโนโลยีระบบการยืนยันตัวตน Orb และอธิบายแนวคิดเรื่อง World ID และความปลอดภัยเชิงเทคโนโลยีว่าเป็นอย่างไร แทนการส่งบรีฟอีเมล ว่าต้องทำ 1 2 3 โดยที่บางครั้งตัว Creators ก็ไม่อาจเข้าใจตัวสินค้า/บริการของแบรนด์จริงๆ และ แน่นอนว่า เราไม่ได้หวังว่าคอนเทนต์ชุดแรกจะทำให้คน “เข้าใจทั้งหมด” ทันที

เพราะเรารู้ว่าเทคโนโลยีใหม่ขนาดนี้ จากประสบการณ์ที่เคยทำให้บริษัท Start Up อย่าง Uber และ ofo การสื่อสารครั้งแรกจะทำให้คนตั้งคำถามและเกิดดราม่า เสมอ และต้องใช้เวลาย่อย แต่สิ่งที่เราเริ่มวาง Foundation ตรงนี้ เพราะมีอีกหนึ่ง เทคนิคที่เราเล่าต่อไปนี้ที่จะทำให้คนเริ่มสงสัย เปิดใจและหาข้อมูลเพิ่มเติม และเมื่อเค้ากลับมาค้นหาข้อมูล Foundation ที่เราสร้างมาจะเป็นตัวสนับสนุนให้กลับแบรนด์เอง เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ๆกัน แบรด์จะทำภาพสวย จะทำข้อมูลดีให้แค่ไหน คนส่วนใหญ่จะก็จะเชื่อคนอื่นบอกมากกว่าแบรนด์ บอกเอง

✨ เทคนิค Hypelive นำ “ความกลัว” เป็น “ความไว้วางใจ” ผ่านตัวละคร

จากกระแส ดราม่าเริ่มเกิดขึ้นตามเพจต่างๆ ตรงนี้แหละที่ Hypelive รู้ว่า… ถึงเวลาแล้วที่จะเปิดตัวและ “เล่าใหม่”

รู้จักน้อง อ๊อบ "Orb" ตัวละครที่เราทำเพื่อให้ผู้คนเข้าถึงคนได้ง่าย โดยที่ไม่ได้มาแนว Branding จ๋า ต้อง Brand CI, Brand Guideline เราตัดออกหมด แต่เริ่มจากการที่เราจำลองว่าเราก็เหมือนลูกเพจ และพยายามเล่าเรื่องซับซ้อน ค่อยๆย่อยตามสถานการณ์ เหมือนกับเราเจอคำถามและปัญหาเดียวกับลูกเพจ ผ่านคอนเทนต์ที่เข้าถึงง่ายและแชร์ได้จริง

เราวาง Orb Concept ให้ดูเป็น 3D Animation จากไอเดียทีม AI Automation ของ Hypelive ส่วนทีมคอนเทนต์ เริ่มค่อยๆเก้บข้อมูลจาก Feedback ที่ลูกเพจสอบถาม แล้วทำคอนเทนต์ทั้ง Short Video / Static Post ย่อย ประเด็น ต่อประเด็น ไม่ใช่เขียนเรียงความส่งคุณครู

เพจ Worldcoin Thailand Fans Updates : https://www.facebook.com/Worldcoin.fans.th

💬 ผลลัพธ์ที่เกินคาด

บรรยากาศในคอมเมนต์เปลี่ยนจากความกังวลเป็นการสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูล ผู้คนเริ่มตั้งคำถามเชิงสร้างสรรค์เกี่ยวกับความปลอดภัยและสิทธิของตนเอง

  • คอนเทนต์เกี่ยวกับ Orb และ World ID ถูกแชร์ต่ออย่างต่อเนื่อง หลายโพสต์ถูกนำไปอ้างอิงในกลุ่มเทคโนโลยีและสื่อกระแสหลัก

  • เมื่อเข้าไปสแกน Orb ผู้ใช้จำนวนไม่น้อยกลับมาบอกเล่าประสบการณ์ตรง ทำให้เกิดเนื้อหารีวิวจากมุมมองจริง ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของแบรนด์

  • เสียงตอบรับจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เริ่มเปลี่ยนจากการตั้งข้อสงสัยมาเป็นการอธิบายเชิงลึก สนับสนุนให้สังคมเข้าใจระบบ SMPC และแนวคิดยืนยันตัวตนแบบไร้ศูนย์กลาง

🧠 สิ่งที่เรียนรู้ได้จากกรณีนี้

  • ฟังอย่างจริงจัง
    รวบรวมทุกคำถาม และความกังวลจากผู้บริโภคให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจสื่อสาร

  • ยอมรับข้อเท็จจริง
    หากเกิดจากความผิดพลาดของแบรนด์ ให้แสดงความรับผิดชอบและแก้ไขก่อนสื่อสารเชิงประชาสัมพันธ์

  • เล่าด้วยภาษาคนทั่วไป
    ใช้ตัวอย่างใกล้ตัวและหลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิค เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจง่ายที่สุด

  • แบ่งคอนเทนต์เป็นตอนสั้น
    นำข้อมูลย่อยออกเป็นคลิปหรือโพสต์สั้นทีละประเด็น ช่วยให้ผู้ชมย่อยข้อมูลได้ทีละขั้น

  • สร้างประสบการณ์จริง
    เปิดโอกาสให้ผู้คนทดลองสินค้า/บริการหรือเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อสร้างประสบการณ์ตรงและคำบอกเล่าเชิงบวก

  • จัดเตรียมข้อมูลอ้างอิง
    จัดทำ FAQ และเอกสารทางการให้ง่ายต่อการค้นหา เพื่อสนับสนุนความน่าเชื่อถือของแบรนด์

  • ปรับตามกระแสทันที
    ติดตามบทสนทนาแบบเรียลไทม์และตอบคำถามใหม่อย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของผู้ชม

สุดท้าย Hypelive ขอขอบคุณทีม World Thailand ที่เปิดใจและร่วมทดลองแนวทางการสื่อสารรูปแบบใหม่
เพราะทุกก้าวของความร่วมมือในครั้งนี้ ทำให้เราได้เรียนรู้ไปด้วยกันว่า "ดราม่าไม่ใช่จุดจบ ถ้าคุณกล้าหยิบมันมาเริ่มต้นใหม่ให้ถูกวิธี" 💡 Hypelive พร้อมช่วยวางแผน สร้างคอนเทนต์ และพาแบรนด์ข้ามกระแส… ด้วยวิธีคิดที่เข้าใจคน และไม่เหมือนใคร

Next
Next

Alibaba.com Dream Trip